เรื่องที่ถกกันทุกวันนี้ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากไวรัสโคโรน่า ตอนนี้ประชากรจำนวนมากทั่วโลกต่างหมกตัวอยู่บ้าน พยายามปกป้องตนเองและคนในครอบครัวจากโรคร้ายนี้ บางคนไม่กังวลเรื่องตกงานมากเท่ากับการเอาชีวิตรอดในวิกฤตด้านสุขภาพนี้

เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เป็นประวัติการณ์ ตัวเลขบ่งชี้ที่นักลงทุนเฝ้าดูมากที่สุดกลายเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ซึ่งขณะนี้มียอดสูงถึง 339,000 คนในขณะที่เขียนอยู่นี้และยังคงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายประเทศได้มาถึง หรือกำลังจะถึงจุดวิกฤตสำคัญที่สิ่งต่างๆ เริ่มควบคุมไม่ได้ ดังที่เราเห็นในประเทศอิตาลี

การจะแล่นผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ในการตัดสินใจเลือกลงทุน คุณจำเป็นต้องรู้ว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยเพียงเล็กน้อย ถดถอยอย่างหนัก หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ แต่จนถึงตอนนี้แทบจะบอกไม่ได้เลยว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจะถึงจุดสูงสุดและเริ่มชะลอตัวลงเมื่อใด

ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐจากธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดกำลังเริ่มเลวร้ายลงเรื่อยๆ สัปดาห์ที่แล้ว JP Morgan คาดว่าจีดีพีจะหดตัวลง 14% ในไตรมาสที่สองของปีนี้ Goldman Sachs ปรับลง 24% ขณะที่การคาดการณ์ล่าสุดของ Morgan Stanley นั้นแย่ยิ่งกว่าโดยคาดการณ์ว่าจะทรุดลง 30% อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นมาจากนายเจมส์ บูลลาร์ดเจ้าหน้าที่ของเฟด ผู้ซึ่งกล่าวว่าอัตราการว่างงานอาจสูงถึง 30% และจีดีพีจะปรับลง 50% ในไตรมาสที่สอง

ภายในสองสามสัปดาห์ต่อจากนี้ เราจะได้รู้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึงมีความรุนแรงเพียงใด สถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดคือการกลายไปเป็นวิกฤตสินเชื่อซึ่งจะทำลายระบบการเงิน สินเชื่อพุ่งทะยานสูงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยมีเงินทุนไหลเข้าสู่ บริษัทในสหรัฐและหนี้ในตลาดเกิดใหม่ในระดับที่สูงมาก จากการที่นักลงทุนส่วนใหญ่พยายามถอนเงินจากสินทรัพย์เหล่านี้ ในไม่ช้ามันอาจกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางการเงินที่แสนสาหัส 

ผู้ที่พยายามเลือกจุดต่ำสุดของ S&P 500 ไม่ควรตื่นเต้นเกินไปในตอนนี้ ดัชนีปรับตัวลดลง 32% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนกุมภาพันธ์ และหากเราทำตามการปรับลง 5% ในปัจจุบันตามที่ฟิวเจอร์สกำลังบ่งชี้ก็จะเป็นการปรับลงไปที่ 37% ซึ่งยังคงน้อยกว่าการปรับลง 57% ของวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2007 - 2009 และการปรับลง 50% ของวิกฤตฟองสบู่ดอทคอมในปี 2000 - 2002 และแน่นอนว่าตัวเลขนั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับการปรับลงในปี 1929 - 1932 ที่ 86% เลย

แม้จะเป็นเรื่องล่อตาล่อใจในการซื้อหุ้นในราคาประเมินแสนถูกในปัจจุบัน แต่นักลงทุนต้องจำไว้ว่าเรายังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปในด้านใดต่อจากนี้ สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยืดเยื้อยังไม่ถูกปรับเข้าในตลาดหุ้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มช้อนหุ้นคือเมื่อความหวังทั้งหมดพังทลาย ซึ่งอาจห่างออกไปหลายเดือนเว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นและไวรัสก็หายไปในฉับพลันหรือมีการค้นพบวัคซีน จนกว่าจะถึงตอนนั้น ก็ให้คาดว่าความต้องการในเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่

 

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน