ปกติแล้วช่วงเวลานี้ของปีจะเป็นฤดูประกาศผลประกอบการที่เป็นตัวผลักดันการตัดสินใจลงทุน แต่สำหรับปีนี้กลับเป็นความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในการระบาดของไวรัสโคโรน่าที่เป็นตัวควบคุมการเคลื่อนไหวของตลาด จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันพุ่งขึ้นเกือบถึง 8,000 รายและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 170 คนในวันที่ 30 มกราคม แม้เราจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการระบาด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าตอนมีการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003

จนถึงขณะนี้ แม้ไวรัสอู่ฮั่นจะมีอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำกว่า (ต่ำกว่า 3%) เมื่อเทียบกับโรคซาร์ส (10%) แต่จำนวนผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วได้แซงหน้าซาร์สในจีนแผ่นดินใหญ่ไปแล้ว และแม้ว่าจีนจะทำการจำกัดการแพร่กระจายเร็วกว่าครั้งที่แล้วมาก แต่หลักฐานแสดงให้เห็นว่าโรคนี้สามารถแพร่เชื้อได้ก่อนที่คนคนนั้นจะแสดงอาการป่วย และนั่นทำให้มันเป็นไวรัสชนิดที่น่ากลัวยิ่งขึ้น

เครือข่ายร้านค้าปลีกและอาหารฟาสต์ฟู้ดหลายแห่งได้ปิดตัวลงในหลายเมืองทั่วประเทศจีนโดยรวมถึง H&M, McDonald's และ Starbucks Google ก็ประกาศเมื่อวานเช่นกันว่าบริษัทได้ปิดสำนักงานที่ประเทศจีนเป็นการชั่วคราว

ประเทศจีนในปัจจุบันมีเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่กว่าในปี 2003 อย่างมาก ในสมัยนั้นเศรษฐกิจจีนคิดเป็น 5% ของผลผลิตทั่วโลก แต่ตอนนี้เป็นเกือบหนึ่งในห้าของจีดีพีด้วยการผนวกรวมอยู่ภายในเศรษฐกิจโลกต่างๆ มากมาย ชาวจีนได้กลายเป็นแรงผลักดันหลักของการท่องเที่ยวทั่วโลกและร้านค้าปลีกที่หรูหราทุกรายต่างตั้งเป้าไปที่พวกเขา รายได้ของแบรนด์หรูในยุโรปกว่า 30% มาจากผู้บริโภคชาวจีนและนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ขณะที่ตลาดจีนยังคงปิดทำการในวันพฤหัสบดีสำหรับช่วงวันตรุษจีน ตลาดเอเชียส่วนอื่นๆ ต่างเห็นดัชนีของพวกเขาปรับลงอย่างรวดเร็ว Taiex ของไต้หวันปรับตัวลดลงมากกว่า 5.75% เนื่องจากหุ้นหลายตัวลงไปแตะระดับที่ปรับลงได้ต่ำสุดที่ 10% รวมถึง Foxonn ที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของ Apple ด้วย Hang Seng ของฮ่องกงตกลงไป 2.2% ทำให้ขาดทุนสองวันรวมมากกว่า 5%

คาดว่าเราจะได้เห็นการปรับลงอีกรวมถึงความผันผวนของสินทรัพย์เสี่ยงที่มากขึ้นในช่วงนี้ นักลงทุนที่รอซื้อในช่วงย่อลงอาจต้องรออีกหน่อย รอจนกว่าเราได้เห็นสัญญาณของการติดเชื้อไวรัสในอัตราสูงสุดก่อน  ในขณะเดียวกัน ทองคำและพันธบัตรมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นที่ต้องการต่อไป

 

เทรดเดอร์แบ่งฝ่ายก่อนมีการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของ BoE

การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของ BoE ในวันนี้น่าจะน่าสนใจกว่าเฟดเมื่อวานนี้ที่ไม่มีเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยและเน้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ใน ‘ตำแหน่งที่ดี’

สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินมีงานหนักในวันนี้กับการต้องตัดสินว่าเศรษฐกิจอังกฤษฟื้นตัวอย่างมากหลังการเลือกตั้งจนสามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นเดิมได้แล้วหรือไม่ ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเบี้ยจะอยู่ที่ 0.75% เช่นเดิม นักเทรดสวอปเทคะแนนให้ว่ามีโอกาสมากกว่า 40% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุด

ด้วยความสับสนในตลาดนี้ คาดว่าเราจะได้เห็นการเคลื่อนไหวอย่างมากในเงินปอนด์จากผลการตัดสินใจในทั้งสองแบบ หาก BoE มีความหนักแน่นและมีสมาชิกเพียงสองคนที่ลงคะแนนให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเหมือนการประชุมในครั้งก่อน สเตอร์ลิงก็น่าจะฟื้นตัวอย่างมากในช่วงระหว่าง 1.31-1.32 แต่หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็อาจได้เห็นการปรับลงไปต่ำกว่าแนวรับที่ 1.29

 

 

ข้อความปฏิเสธความรับผิดชอบ: เนื้อหาในบทความนี้ประกอบด้วยความคิดเห็นส่วนตัวและไม่ควรตีความเป็นคำแนะนำส่วนตัว และ/หรือคำแนะนำด้านการลงทุนอื่น ๆ และ/หรือข้อเสนอ และ/หรือคำชักชวนสำหรับการทำธุรกรรมใด ๆ ในตราสารทางการเงิน และ/หรือการรับประกัน และ/หรือการคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต ForexTime (FXTM) พันธมิตร ตัวแทน กรรมการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานของบริษัทจะไม่รับประกันความเที่ยงตรง ความถูกต้อง ความทันเวลาหรือความสมบูรณ์ของข้อมูลใด ๆ หรือข้อมูลที่พร้อมใช้และถือว่าไม่มีความรับผิดต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการลงทุนใด ๆ ที่อยู่บนพื้นฐานเดียวกัน